รีบแก้ก่อนจะแย่กว่านี้ ! 6 ปัญหาใหญ่ทำ แมนยู ออกสตาร์ทห่วย

รีบแก้ก่อนจะแย่กว่านี้ ! 6 ปัญหาใหญ่ทำ แมนยู ออกสตาร์ทห่วย

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดฤดูกาล 2023/2024 ได้น่าผิดหวังมากๆ โดยพวกเขาแพ้ไปแล้ว 6 จาก 10 เกมในทุกรายการ ซึ่งถือเป็นสถิติการเริ่มต้นซีซั่นที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เข้ามารับงานแทน รอน แอตกินสัน เมื่อ 37 ปีก่อน

ช่วงที่ผ่านมาสาวก “เร้ด อาร์มี่” จำนวนมากผิดหวังกับผลงานของทีมรัก ขณะที่นักเตะก็แสดงให้เห็นถึงการเล่นที่ขาดความมั่นใจ และ เอริค เทน ฮาก จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรีบหยุดวิกฤตินี้ก่อนที่จะสายเกินควบคุม

การพ่ายแพ้ กาลาตาซาราย ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ต่อหน้าแฟนบอลตัวเองในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เป็นสิ่งที่ทำให้เหล่ากองเชียร์ “ผีแดง” เริ่มหมดศรัทธาในตัว เทน ฮาก ฉะนั้นในเกมพรีเมียร์ลีกที่จะต้องรับมือ เบรนท์ฟอร์ด วันเสาร์ที่ 7 ตุลาคมนี้ พวกเขาจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคว้าชัยชนะให้ได้

สำหรับปัญหาหลักๆ ที่ทำให้ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องกลายเป็นทีมที่มีสถิติออกสตาร์ทย่ำแย่ที่สุดของพวกเขาในยุคพรีเมียร์ลีกมีอะไรบ้าง ลองไปพิจารณาดันเลยดีกว่า

1. ผู้เล่นบาดเจ็บระนาว

อาการบาดเจ็บเป็นส่วนหนึ่งของเกมลูกหนัง แต่มันไม่มีทางหนีจากข้อเท็จจริงไปด้ว่ารายชื่อผู้เล่นสำคัญที่ทีมต้องเสียไปส่งผลกระทบต่อฟอร์มการเล่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างมากในซีซั่นนี้

มีผู้เล่นไม่น้อยกว่า 16 คนที่ไม่สามารถลงสนามได้นับตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่น นั่นเป็นรวมทั้ง ราสมุส ฮอยลุนด์ หัวหอกที่เพิ่งย้ายมาร่วมทัพ, เมสัน เมาท์, โซฟียาน อัมราบัต (ทั้ง 3 คนฟิตสมบูรณ์แล้ว) และ เซร์คิโอ เรกีลอน

สำหรับแนวรับถือเป็นหัวใจสำคัญของทีมก็ต้องขาดแข้งหลักทั้ง ลิซานโดร มาร์ติเนซ, ลุค ชอว์, อารอน วาน-บิสซาก้า และไทเรลล์ มาลาเซีย ซึ่งโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานจนต้องพักยาว ขณะที่ ราฟาแอล วาราน ก็อาการสามวันดีสี่วันไข้

การขาด ชอว์, มาลาเซีย และ เรกีลอน นั่นหมายความว่า เทน ฮาก จำเป็นต้องจับ อัมราบัต มาเล่นตำแหน่งแบ็กซ้าย โดยเกมเดบิวต์ที่ชนะ คริสตัล พาเลซ ศึกคาราบาว คัพ นักเตะได้รับคำชื่นชมอย่างมาก แต่ความจริงก็ปรากฎเพราะ 2 แมตช์ล่าสุด สตาร์ชาวโมร็อกโก คือบ่อน้ำมันชั้นดีของคู่แข่งเลยทีเดียว

2. อ่อนยวบตั้งแต่หลังยันหน้า

สำหรับตอนนี้่รากฐานของ แมนฯ ยูไนเต็ด ขาดความสมดุลอย่างมากในฤดูกาลนี้ โดยทีมของกุนซือเอริค เทน ฮาก เคยได้รับการชื่นชมว่ามีเกมรับที่แข็งแกร่ง และเกมรุกที่ดุดันเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เลย

เกมลีกเมื่อวันเสาร์ที่แพ้ คริสตัล พาเลซ คาถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด พวกเขาสร้างโอกาสได้ไม่เยอะ และก็พลาดจังหวะสำคัญๆ ในการทำประตู ขณะที่แมตช์แพ้ กาลาตาซาราย ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ปัญหาแตกต่างกันไปอีกแบบ

พวกเขาสามารถยิงประตูได้ 2 ลูกจาก ฮอยลุนด์ และเกือบทำแฮตทริกได้ด้วย ขณะที่ เมาท์ ก็มีโอกาสสวยๆ จากการยิงไกล 2 ครั้งก่อนหมดครึ่งแรก ส่วน มาร์คัส แรชฟอร์ด เล่นได้จี๊ดจ๊าด ทำแอสซิสต์ให้ ฮอยลุนด์ และเกือบส่งบอลให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ซัดประตูในช่วงต้นครึ่งหลัง แต่เกมรับกับอ่อนยวบเหลือเกิน

ลองเช็คสถิติจะเห็นได้ว่าไม่มีทีมทีมไหนใน 12 อันดับแรกที่ยิงได้น้อยกว่าที่ แมนฯ ยูฯ ยิงได้แค่ 7 ลูกในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ ขณะที่ 18 ประตูที่เสียจาก 10 เกมแรกของฤดูกาลก็เยอะที่สุดนับตั้งแต่ปี 1966 เป็นต้นมา

3. โอนาน่า น่าผิดหวัง

การคว้าตัว อ็องเดร โอนาน่า มาแทนที่ ดาบิด เด เคอา น่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ทีมฟอร์มตกฮวบขนาดนี้ เพราะ นายทวารทีมชาติแคเมอรูน ไม่สามารถทำผลงานได้อย่างที่คาดหวังเอาไว้

เหตุผลสำคัญที่ เทน ฮาก ตัดสินใจไม่รั้ง เด เคอา ซึ่งหมดสัญญากับทีมในช่วงซัมเมอร์ เพราะเขาอยากได้ โอนาน่า มาเฝ้าเสา เนื่องจากต้องการโกลที่ใช้เท้าเก่ง เพราะต้องการให้ทีมสร้างเกมรุกจากแดนหลัง

อย่างไรก็ตาม โอนาน่า ทำให้เม็ดเงินที่ “ผีแดง” ควักจ่าย อินเตอร์ มิลาน 47.2 ล้านปอนด์ (ราว 2,078 ล้านบาท) ไม่ค่อยคุ้มค่า เพราะนักเตะทำผิดพลาดบ่อยเหลือเกิน หนึ่งในนั้นก็คือจังหวะที่ส่งบอลพลาดหน้าประตูจนส่งผลให้ทีมเสียจุดโทษ และ กาเซมีโร่ โดนไล่ออกในเกมแพ้ กาลาตาซาราย

แม้ว่า โอนาน่า จะช่วยเพิ่มมิติในการเล่นด้วยการสร้างเกมรุกจากแดนหลัง แต่ตอนนี้ นายทวารวัย 27 ปีกำลังอยู่ในช่วงขาดความมั่นใจสุดๆ  และนั่นหมายความว่าผู้เล่นเกมรับมักจะเลือกเปิดบอลยาวไปข้างหน้าแทนที่จะส่งบอลให้กับเขา

อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ฟอร์มของ โอนาน่า น่าผิดหวังก็คือเขาไม่มีแบ็กโฟร์ที่แข็งแกร่งค่อยช่วยเล่นเกมรับ เพราะทั้ง มาร์ติเนซ กับ ชอว์ ก็เจ็บยาว ส่วน วาราน ฟอร์มไม่อยู่กับร่องกับรอย ดังนั้นการที่แผงแบ็กโฟร์เปราะบางยิ่งทำให้ทีมโดนเจาะตาข่ายง่ายเข้าไปใหญ่

4. ปัญหานอกสนามทำว้าวุ่น

นอกจากวิกฤติผู้เล่นบาดเจ็บแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ยังต้องขาด อันโตนี่ กับ เจดอน ซานโช่ ในช่วงต้นซีซั่นนี้ เนื่องจากปัญหานอกสนาม สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อฟอร์มการเล่นของทีมเช่นเดียวกัน

อันโตนี่ ไม่ได้ลงสนามให้ “ผีแดง” 3 สัปดาห์เพื่อเคลียร์ตัวเองเกี่ยวกับคดีทำร้ายร่างกายอดีตแฟนสาว แต่ล่าสุดนักเตะกลับมาซ้อมกับต้นสังกัดแล้ว และเพิ่งลงเล่นเป็นตัวสำรองในแมตช์แพ้ กาลาตาซาราย

กระนั้นปัญหาของเขากับ กาบริเอเล่ คาวัลลิน ยังหาบทสรุปไม่ได้แม้นักเตะยืนกรานปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ซึ่งสิ่งนี้คงจะสร้างความกระวนกระวายใจให้กับ สตาร์ทีมชาติบราซิล ไปอีกหลายสัปดาห์

ขณะที่กรณีของ ซานโช่ ต้องเจอกับบทลงโทษให้ซ้อมเพียงลำพัง และหมดสิทธิ์ใช้สิ่งอำนาวยความสะดวกรวมทั้งห้ามรับประทานอาหารร่วมกับทีมชุดใหญ่ นับตั้งแต่ที่เจ้าตัวมีปัญหากับ เทน ฮาก หลังจบเกมแพ้ อาร์เซน่อล

ปัจจุบัน ซานโช่ ยังคงดื้อแพ่งปฏิเสธที่จะขอโทษ นายใหญ่ชาวดัตช์ นั่นยิ่งทำให้สถานการณ์ของทั้งสองฝ่ายตึงเครียดเป็นทวีคูณ และมีข่าวลือมาว่าหากยังคงเป็นแบบนี้ต่อไปมีสิทธิ์ที่นักเตะจะโดนขายทิ้งช่วงตลาดพ่อค้าแข้งฤดูหนาว

แน่นอนว่าปัญหาของ สตาร์ชาวอังกฤษ วัย 23 ปี กับ อันโตนี่ ส่งผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจของทีมอย่างมาก โดยตอนนี้จะเห็นได้ว่าความสมัครสมานสามัคคีที่สร้างขึ้นมาในซีซั่นแรกที่ เทน ฮาก คุมทัพสูญหายไปหมดแล้ว

5. สภาพจิตใจห่อเหี่ยว

อีกปัญหาที่น่าเป็นห่วงสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็คือสภาพจิตใจ !  ทีมมักจะต้องเจอกับความยากลำบากในการพยายามทำประตูขึ้นนำ แต่ในขณะเดียวกันหากมีสกอร์ตามหลังขวัญกำลังใจจะกระเจิงทันที

“ผีแดง” เสียประตูเพียงแค่นาทีเดียวหลังยิงนำ อาร์เซน่อล, หลังยิงตีไข่แตกแค่ 4 นาทีก็โดน บาเยิร์น เจาะตาข่ายอีกเม็ด และล่าสุดขึ้นนำ 2 ครั้ง 2 ครา แต่สุดท้ายแพ้ กาลาตาซาราย สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันว่านักเตะแมนฯ ยูฯ มีปัญหาเรื่องสภาพจิตใจอย่างมาก

มีเพียงแค่เกมเดียวที่ แมนฯ ยูฯ สามารถคัมแบ็กกลับมาได้อย่างสุดยอดนั่นก็คือเกมที่ตามหลัง น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ 0-2 ก่อนที่จะยิงคืนสามลูกรวดและคว้าชัยชนะได้สำเร็จ แต่หากเจาะลึกลงไปฟอร์มของทีมก็ไม่ได้ดีเด่ และเกือบเสียประตูเพิ่มหลายครั้ง

หากย้อนกลับไปเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เคยประสบปัญหาแบบนี้ในช่วงต้นซีซั่นแต่ก็สามารถฟื้นตัวกลับมาได้อย่างสวยหรู และจบฤดูกาลในอันดับ 3 พร้อมกับคว้าแชมป์คาราบาว คัพ

6. แรชฟอร์ด สนิมเกาะเกือก

หนึ่งในนักเตะตัวความหวังที่ฟอร์มหลุดในฤดูกาลนี้คงหนีไม่พ้น มาร์คัส แรชฟอรด์ โดยหัวหอกทีมชาติอังกฤษ โชว์ฟอร์มได้อย่างเริ่ดหรูอลังการกับการทำงานร่วมกับ เทน ฮาก ครั้งแรก ด้วยการซัดไป 30 ประตูในทุกรายการ

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ “ดร.แรชชี่” ขยายสัญญาฉบับใหม่พร้อมรับค่าเหนื่อยสูงถึง 300,000 ปอนด์ (ราว 13.2 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์ช่วงซัมเมอร์นี้ ผลงานของเขากลับตาลปัตรอย่างน่าใจหาย

แรชฟอร์ด ไม่สามารถควานหาฟอร์มเก่งได้เลย แถมยังเล่นไม่ค่อยเข้าขากับ ฮอยลุนด์ แม้ล่าสุดเขาจะเป็นคนเปิดบอลให้ หัวอกทีมชาติเดนมาร์ก โหม่งประตูให้ “ผีแดง” ขึ้นนำในเกมพบ กาลาตาซาราย ก็ตาม

สิ่งที่ทำให้ แรชฟอร์ด โดยวิจารณ์อย่างหนักก็คือการเล่นแบบตะบี้ตะบันไม่ค่อยยอมส่งบอลให้เพื่อน หรือการเปิดบอลในจังหวะที่ไม่เหมาะสม ยกตัวอย่างจังหวะที่เลี้ยงบอลทะลุเข้าไปในเขตโทษ แทนที่เขาจะเลือกยิงหรือรีบส่งให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส แต่ดันสองจิตสองใจจนสุดท้ายส่งบอลเบาเกินไปทำให้โดน ซาช่า โบอี้ เคลียร์บอลทิ้งได้ทัน

ฉะนั้นหาก แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องการที่จะกลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้องอีกครั้ง เทน ฮาก จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดึงศักยภาพของ แรชฟอร์ด ออกมาให้ได้อีกครั้ง เหมือนทีเขาเคยทำได้เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ดูบอลฟรีออนไลน์